แอปเปิลออกอัปเดท iOS 13.1.3 และ iPadOS 13.1.3 แก้ไขข้อบกพร่องและการปรับปรุงการทำงานหลายอย่าง

แอปเปิลออกอัปเดท iOS 13.1.3 และ iPadOS 13.1.3 แก้ไขข้อบกพร่องและการปรับปรุงการทำงานหลายอย่าง

BoOnreAm 14:08 Add Comment

     หลังจากที่แอปเปิลได้ออกอัพเดท iOS 13.1.2 ไปเมื่อไม่นานนี้ คราวนี้ก็มาถึงอัปเดท 13.1.13  ซึ่งออกอัพเดทตามมาติด ๆ  ครับ(อัพกันบ่อยเหลือเกิน)มาดูกันว่า iOS 13.1.13 มีการแก้ไขปัญหาด้านใดบ้างครับ.

ความเปลี่ยนแปลงบน iOS 13.1.3 รายละเอียดดังนี้

  • จัดการปัญหาที่อาจทำให้อุปกรณ์ไม่สามารถส่งเสียงหรือสั่นเมื่อมีสายเข้าได้
  • แก้ไขปัญหาที่อาจจะทำให้ไม่สามารถเปิดคำเชิญการประชุมในแอพเมลได้
  • แก้ไขปัญหาที่ข้อมูลในแอพสุขภาพอาจจะแสดงไม่ถูกต้องหลังจากปรับเวลาออมแสง
  • แก้ไขปัญหาที่เสียงบันทึกในแอพเสียงบันทึกอาจจะไม่ดาวน์โหลดหลังจากที่กู้คืนจากข้อมูลสำรอง iCloud
  • จัดการปัญหาที่แอพต่างๆ อาจดาวน์โหลดไม่สำเร็จเมื่อกู้คืนจากข้อมูลสำรอง iCloud
  • แก้ไขปัญหาที่อาจทำให้ Apple Watch ไม่สามารถจับคู่ได้สำเร็จ
  • แก้ไขปัญหาที่อาจจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนบน Apple Watch
  • แก้ไขปัญหาที่บลูทูธอาจจะเลิกเชื่อมต่อเมื่ออยู่ในยานพาหนะบางคัน
  • ปรับปรุงความน่าเชื่อถือในการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ช่วยฟังและชุดหูฟังบลูทูธ
  • จัดการประสิทธิภาพการเปิดใช้สำหรับแอพที่ใช้ Game Center 
  • ความเปลี่ยนแปลงบน iPadOS 13.1.3 รายละเอียดดังนี้

    • แก้ไขปัญหาที่อาจจะทำให้ไม่สามารถเปิดคำเชิญการประชุมในแอพเมลได้
    • แก้ไขปัญหาที่เสียงบันทึกในแอพเสียงบันทึกอาจจะไม่ดาวน์โหลดหลังจากที่กู้คืนจากข้อมูลสำรอง iCloud
    • จัดการปัญหาที่แอพต่างๆ อาจดาวน์โหลดไม่สำเร็จเมื่อกู้คืนจากข้อมูลสำรอง iCloud
    • ปรับปรุงความน่าเชื่อถือในการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ช่วยฟังและชุดหูฟังบลูทูธ
    • จัดการประสิทธิภาพการเปิดใช้สำหรับแอพที่ใช้ Game Center
    สำหรับการอัปเดทให้เข้าไปที่ Settings > General > Software Update เชื่อมต่อ Wi-Fi ดาวน์โหลดและติดตั้ง
    ที่มา : iphone-droid.net

5G คืออะไร – ไม่ใช่แค่เร็ว แต่เป็นรากฐานของอนาคตในอีก 10 ปีข้างหน้า

09:06 Add Comment
ช่วงนี้เราเริ่มได้ยินคำว่า 5G กันมากขึ้นเรื่อยๆ เหล่าเครือข่ายและผู้ผลิตมือถือทั่วโลกก็เริ่มออกมาเคลมว่าตัวเองรองรับ 5G กัน แต่หลายๆคนก็อาจจะงงว่า 5G แล้วยังไงเหรอ มันก็แค่เน็ตเร็วขึ้นกว่าเดิมรึเปล่า ตอนนี้ก็สามารถเล่นเฟสดูยูทูปได้ก็พอแล้วนี่นาจะเอาอะไรมากกว่านี้อีก วันนี้เดี๋ยวผมจะเอามาเล่าให้ฟังเพิ่มเติมกันครับ ว่า 5G วันนี้อาจจะฟังดูไกลตัว แต่มันกลับใกล้ชีวิตเรามากกว่าที่คิดเลยล่ะครับ

5G คืออะไร?

5G ที่เราเรียกๆกันอยู่นี่ มันย่อมาจาก เจนเนอเรชั่นที่ 5 ของการสื่อสารด้วยโทรศัพท์มือถือ (5th Generation of Cellular Mobile Communications) ซึ่งปัจจุบันได้มีข้อกำหนดออกมาเกือบสมบูรณ์แล้วและเตรียมจะประกาศใช้ในช่วงปี 2020 ที่จะถึงนี้ ปัจจุบันเราจะได้เห็นการเตรียมพร้อมของแต่ละเครือข่ายทั่วโลกพัฒนาตนเองให้รองรับการมาของ 5G ตั้งแต่ปีหน้ากันแล้ว โดยคุณสมบัติของเครือข่ายที่จะเรียกตัวเองว่า 5G ได้นั้นจะมีดังนี้
  • ความเร็วสูงสุด 10Gbps
  • Latency ระยะเวลาการเชื่อมต่อไปยังปลายทาง น้อยกว่า 0.001 วินาที
  • มีความเสถียรใช้งานได้ 99.9999%
  • ครอบคลุมพื้นที่ 100%
  • มี Bandwidth เพิ่มขึ้น 1000 เท่าในแต่ละพื้นที่
  • รองรับการเชื่อมต่อจากอุปกรณ์ เพิ่มขึ้น 100 เท่า ในแต่ละพื้นที่
  • ใช้พลังงานในการเชื่อมต่อน้อยลง 90%
  • อุปกรณ์ IoT พลังงานต่ำเมื่อเชื่อมต่อแบตจะมีอายุการใช้งานได้ถึง 10 ปี
แต่ละ Generation มีการพัฒนาอย่างไรบ้าง
  • 1G การคุยกันด้วยเสียง
  • 2G รองรับการส่งข้อความหากัน
  • 3G เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั่วไป
  • 4G ดูภาพและเสียงได้
  • 5G การเชื่อมต่อสิ่งของทุกสรรพสิ่ง

ความเปลี่ยนแปลงจาก 4G → 5G

เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นเดี๋ยวมาดูกันเพิ่มเติมว่าเมื่อเทียบกับ 4G แล้ว 5G มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง 
  • Latency การตอบสนองที่ไว้ขึ้น สามารถสั่งงานควบคุมสิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว หรือเรียกว่าแทบจะทันที จากตอน 4G ถ้าตามทฤษฎีจะอยู่ที่ 10ms ซึ่งเมื่อใช้งานจริงจะอยู่ราว 20-30ms แต่เมื่อเป็น 5G จะลดลงไปถึง 10 เท่า เหลือน้อยกว่า 1ms ทางทฤษฎี ซึ่งคาดว่าเมื่อใช้งานจริงจะอยู่ราว 3-4ms
  • Data Traffic รองรับการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า จากที่ใน 4G จะสามารถรับส่งข้อมูลต่อเดือนได้ราว 7.2Exabytes ต่อเดือน แต่เมื่อขึ้นเป็น 5G จะเพิ่มขึ้นราว  7 เท่า หรือ 50 Exabytes ต่อเดือน
  • Peak Data Rates ความเร็วเพิ่มขึ้นสูงสุด 20 Gbps หรือราว 20 เท่าจากเดิม
  • Available Spectrum ความถี่สำหรับใช้งาน เพิ่มขึ้นจากตอน 4G ที่มีให้ใช้เพียง 3GHz แต่เมื่อเป็น 5G จะสามารถใช้งานคลื่นได้จนถึงความถี่ 30GHz
  • Connection Density ความหนาแน่นของการใช้งาน เพิ่มขึ้น 10 เท่าจากที่สามารถรับคนได้ราว 1 แสนคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม. กลายเป็น 1 ล้านคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม.

เราจะได้ประโยชน์อะไรจาก 5G?

หลังจากเห็นตัวเลขอะไรมากมายน่ามึนหัวสำหรับหลายๆคนมาแล้ว มาลองดูการใช้งานจริงกันบ้างดีกว่าว่าถ้าเปลี่ยนจากตัวเลขเหล่านั้นเป็นการใช้งานจริง อะไรจะเกิดขึ้นได้บ้าง มีการแบ่งการใช้งาน 5G ออกเป็น 3 แกนหลักด้วยกัน ได้แก่ Enhanced mobile broadband (eMBB), Massive machine type communications (mMTC), และ Ultra-reliable and low latency communications (URLLC) โดยแต่ละการใช้งานจะมีส่วนผสมของแต่ละแกนมาน้อยต่างกันไป
Enhanced mobile broadband (eMBB) เพิ่มศักยภาพการรับ-ส่งข้อมูล เมื่อมีความเร็วที่มากขึ้นแล้วเราก็สามารถสตรีมวิดีโอความละเอียดสูงๆระดับ 4K, ทำงานทุกอย่างอยู่บน Cloud  โหลดภาพโหลดข้อมูลต่างๆมาได้แทบจะทันที่ที่ต้องการ
4G อาจจะโหลด 4K ได้แบบมีกระตุก แต่เข้า 5G แล้วก็จะง่ายขึ้น
Massive machine type communications (mMTC) รองรับการเชื่อมต่อจำนวนมากๆได้ ก็สามารถใช้งานเหล่าอุปกรณ์ IoT ที่คาดกันว่าจะมีเพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่าตัวจากในปัจจุบัน ลองนึกภาพสิ่งของทุกชิ้นที่เราใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งรถยนต์ พัดลม ประตูบ้าน โทรทัศน์ ตู้เย็น ไมโครเวฟ ฯลฯ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องใช้ WiFi แต่ผ่านเครือข่ายมือถือแทน การเชื่อมต่อจะมหาศาลแค่ไหน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม 5G จึงต้องรองรับการเชื่อมต่อเพิ่มขึ้นจากตอน 4G ถึง 10 เท่าตัวนั่นเอง https://www.youtube.com/watch?v=WztuyZwq578 Ultra-reliable and low latency communications (URLLC) การเชื่อมต่อที่เสถียรและตอบสนองไว จนเราสามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆระยะไกลได้แบบไม่ต้องกังวลถึงการดีเลย์ของภาพและเสียง การศึกษาผ่านระบบ AR, แพทย์ควบคุมการผ่านตัดจากที่อื่น หรือควบคุมรถยนต์ไร้คนขับก็จะสามารถทำได้อย่างไรกังวลนั่นเอง https://www.youtube.com/watch?v=796Z4pF-s4I

ประเทศไทยเราพร้อมแค่ไหนสำหรับ 5G?

เทคโนโลยีที่ใช้ในกันใน 5G ได้แก่ Millimeter Waves, Small Cell, Massive MIMO, Beamforming, Full Duplex ซึ่งในปัจจุบันเราจะได้เห็น Small Cell, Massive MIMO, และ Beamforming กันแล้วในทุกเครือข่าย แต่ความครอบคลุมและแพร่หลายของเทคโนโลยีอาจจะยังไม่เท่ากัน บางเจ้านำไปใช้แล้วในหลายพื้นที่ บางค่ายทดลองใช้แค่ไม่กี่แห่ง ส่วน Full Duplex ปัจจุบันจะยังใช้เป็น FDD หรือ TDD ส่วน Millimeter Waves หรือการนำเอาคลื่นความถี่สูงกว่าที่ใช้กันในปัจจุบันมาเปิดให้บริการเพิ่ม ในเมืองไทยจะยังไม่พร้อมเท่าไหร่นัก เพราะยังไม่มีการจัดสรรคลื่นในช่วงความถี่สูงๆเกิน 3GHz ออกมาให้ได้เห็นกันแม้แต่คลื่นเดียว แต่ยังดีว่าในปัจจุบันแต่ละค่ายมีคลื่นความถี่ในมือเกิน 100MHz ซึ่งเป็นจำนวนที่ทั้ง Ericssons หรือ Huawei ผู้นำด้านการทำเครือข่าย 5G ต่างก็แนะนำให้ประเทศที่ต้องการจะเข้าถึง 5G โดยเร็วมีไม่น้อยกว่านี้ โดยคนที่ดูจะมีความพร้อมมากที่สุดตามลำดับ ได้แก่ AIS, TrueMove H, และ dtac โดยคิดตามจำนวนคลื่นที่ครอบครอง เทคโนโลยีที่ใช้ และความแพร่หลายของเทคโนโลยีนะครับ

จำนวนคลื่นที่แต่เครือข่ายมีครอบครอง

เครือข่ายความถี่จำนวนคลื่นเทคโนโลยี
AIS รวม 120MHz900MHz 10×2MHzSmall Cell, Massive MIMO, Beamforming, Full Duplex, NB-IoT
1800MHz20×2MHz
2100MHz15×2×2MHz
TrueMove H รวม 110MHz850MHz15×2MHzSmall Cell, Massive MIMO, Beamforming, Full Duplex
900MHz10×2MHz
1800MHz15×2MHz
2100MHz15×2MHz
dtac รวม 100MHz1800MHz5×2MHzSmall Cell, Full Deplex
2100MHz15×2MHz
2300MHz60×1MHz
โดยสรุปคือในปี 2020 สำหรับคนไทยที่ต้องการใช้ 5G เราจะมีเครือข่ายที่พร้อมใช้งานแน่ๆแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าเทคโนโลยีบ้านเราจะตามใคร แต่ที่ต้องคิดมากกว่าคือคนไทยที่มีความพร้อมใช้งาน 5G นี้จะมีมากเท่าไหร่ เตรียมพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของโลกที่กำลังจะมาเร็วๆนี้หรือยังครับ
ที่มา  : droidsans.com
ลือ Huawei เตรียมอัพเดท Harmony OS ให้มือถือรุ่นปัจจุบันใช้งานได้แบบ Dual Boot คาดอีก 2-3 ปีสูสีกับ iOS

ลือ Huawei เตรียมอัพเดท Harmony OS ให้มือถือรุ่นปัจจุบันใช้งานได้แบบ Dual Boot คาดอีก 2-3 ปีสูสีกับ iOS

08:50 Add Comment
หลังจากเมื่อราวๆ ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Huawei ได้ทำการเปิดตัวระบบปฏิบัติการของตัวเองในชื่อของ Harmony OS (หรือที่ตอนแรกเรียกกันว่า Hongmeng OS นั่นแหละ) ล่าสุดก็มีข่าวลือว่าตอนนี้ทางบริษัทกำลังพิจารณาปล่อยอัพเดทให้มือถือทุกรุ่นของค่าย ณ ปัจจุบัน สามารถใช้งานระบบปฏิบัติการ Harmony นี้ได้ ทั้งนี้ผู้ใช้งานยังสามารถเลือกได้ว่าจะใช้งาน EMUI หรือ Harmony นั่นเอง
Harmony OS ถือเป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้เชื่อมต่อร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน, ลำโพงอัจฉริยะ, สมาร์ทวอทช์, หูฟัง, รถยนต์, แทบเล็ต ไปจนถึงอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) ต่างๆ โดย Richard Yu ซีอีโอกล่าวว่าระบบปฏิบัติการดังกล่าวนี้มีโครงสร้างจากไมโครเคอร์เนลตัวแรกที่สามารถใช้งานได้กับทุกแพลตฟอร์ม อีกทั้งระบบปฏิบัติการนี้ยังสามารถรองรับอุปกรณ์ที่มี RAM ตั้งแต่หน่วยความจำเพียงไม่กี่กิโลไบต์ไปจนถึงกิ๊กกะไบต์เลยทีเดียว
สำหรับสาเหตุที่ Huawei นั้นเตรียมปล่อยอัพเดท Harmony OS ให้มือถือรุ่นของพวกเขาในตอนนี้อย่าง P30 series หรือ Mate 20 series ก็มาจากการ Google ออกข้อจำกัดไม่ให้พวกเขาปรับแต่งหรือเพิ่มฟีเจอร์อะไรใหม่ๆ ลงไปใน EMUI 10 ได้ แต่ถึงอย่างไร การอัพเดทครั้งนี้ Huawei จะใส่ฟีเจอร์ Dual Boot มาให้ด้วย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้อยู่ว่าจะใช้ EMUI บน Android ต่อ หรือเปลี่ยนไปใช้ Harmony OS แทน โดย Richard Yu เผยว่าสำหรับ Mate 30 Pro นั้นจะเป็น Android AOSP + HMS อยู่ แต่มีความเป็นไปได้ว่า P40 series นั้นจะเป็นมือถือ Harmony OS รุ่นแรก
ส่วน Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้งและประธานของ Huawei นั้นเผยว่าในเวลาไม่เกิน 2-3 ปีนี้ ระบบปฏิบัติการณ์ Harmony จะดีขึ้นเรื่อยๆ จนสูสีกับ iOS ของ Apple แน่นอน ที่เค้ากล้าพูดแบบนี้เพราะเขารู้ดีว่าการทำงานของบริษัทและทีมงานเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ดียังไม่มีข้อมูลส่วนของมือถือรุ่นไหนจะได้รับอัพเดทครั้งนี้บ้างออกมาแต่อย่างใด อีกทั้งทั้งหมดนี้ยังคงเป็นเพียงแค่ข่าวลือ ทำให้ต้องรอติดตามกันต่อไปครับ ไว้มีอะไรคืบหน้า ทางเราจะรีบคาบข่าวมาอัพเดทเพื่อนๆ ทันทีเลยครับ

ที่มา: Huawei Advisor , Huawei central , droidsans
รวมโปรจอง iPhone 11 จาก 3 ค่าย AIS, Dtac, Truemove H

รวมโปรจอง iPhone 11 จาก 3 ค่าย AIS, Dtac, Truemove H

08:37 Add Comment
สิ้นสุดการรอคอยสำหรับเหล่าสาวก Apple ที่ต้องการจับจอง iPhone 11 ก่อนใคร ซึ่งเหล่าบรรดาร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศต่างก็พาขนโปรเด็ดๆ ออกมากันเพียบเลยทีเดียว ทั้งลดค่าเครื่อง โปรย้ายค่าย หรือแม้แต่ซื้อเครื่องเปล่าก็มีลดราคากับเขาด้วยเหมือนกัน โดยแต่ละร้านจะมีโปรแบบไหนกันบ้างไปดูกันเลยครับ

DTAC

โปรจอง iPhone 11 ทาง dtac จะแบ่งเป็น 2 แบบคือ สำหรับ Blue Member กับ ไม่ใช่ Blue Memer โดยมีราคาดังต่อไปนี้

1. สำหรับ BLUE MEMBER

  • ใช้ได้เฉพาะ Blue Member เท่านั้น รับส่วนลดสูงสุด 9,700 บาท
  • ผ่อน 0% นานสูงสุด 36 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืน 5%
  • รับส่วนลดซื้ออุปกรณ์เสริม Apple 30%
  • ไม่ต้องชำระค่าบริการล่วงหน้า

IPHONE 11

IPHONE 11 PRO

IPHONE 11 PRO MAX

2. ไม่ใช่ BLUE MEMBER

  • ลูกค้าทั่วไป รับส่วนลดสูงสุด 7,700 บาท
  • ผ่อน 0% นานสูงสุด 36 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืน 5%
  • รับส่วนลดซื้ออุปกรณ์เสริม Apple 30%
  • มีชำระค่าบริการล่วงหน้า แต่ถ้าเป็นลูกค้าดีแทคเก่าอายุการใช้งาน 18 เดือนขึ้นไป ไม่ต้องชำระล่วงหน้า
  • พิเศษเฉพาะลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิมรับส่วนลดเพิ่ม 2,000 บาท

IPHONE 11

IPHONE 11 PRO

IPHONE 11 PRO MAX

เงื่อนไขการผ่อนกับ DTAC และบัตรที่ร่วมรายการ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ dtac ได้ ที่นี่

TRUEMOVE H

โปรจองของทรูแบ่งเป็น 2 แบบคือ ลูกค้ารายเดือนซื้อพร้อมแพ็คเกจ กับ แบบซื้อแค่เครื่องเปล่าไม่ติดสัญญา

1. แบบติดสัญญารายเดือน

IPHONE 11

IPHONE 11 PRO | IPHONE 11 PRO MAX

แพ็คเกจแต่ละราคาได้อะไรบ้าง

2. ซื้อแบบเครื่องเปล่าไม่ติดสัญญา

สิทธิพิเศษแลกซื้ออุปกรณ์เสริมต่างๆ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ True ได้ ที่นี่

AIS

IPHONE 11

ลดไปเลยทันที 1,000 บาท แค่เป็นลูกค้าของ AIS มานานกว่า 3 เดือน มีค่าใช้จ่าย 150 บาทขึ้นไป ไม่ต้องติดสัญญาอะไรทั้งนั้น แถมได้เน็ตฟรีไปอีก 3GB
ส่วนลูกค้าที่อยู่มาเป็นปีงานนี้มีส่วนลดตั้งแต่ 3,700 บาท 6,700 บาท และสูงสุดที่ 9,700 บาท โดยจะต้องเซ็นต์สัญญาใช้งานต่อเนื่องไปอีก 12 เดือน
ส่วนลูกค้าใหม่ก็ยังมีส่วนลดพร้อมแพ็คเกจที่น่าสนใจ โดยลดค่าเครื่องสูงสุดที่ 7,700 บาท ถ้าย้ายค่ายมาได้ลดเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท และยังได้รับสิทธิ์ Serenade ตามช่วงแพ็คเกจที่เลือกด้วย

IPHONE 11 PRO | IPHONE 11 PRO MAX

ส่วนลดเครื่องเปล่าของ AIS นั้นเปิดให้กับลูกค้ารายเดือนที่มีอายุการใช้งาน 3 เดือนขึ้นไป และมียอดค่าบริการขั้นต่ำ 150 บาท โดยจะได้ส่วนลด 1,000 บาท แถมยังได้รับโบนัสเป็นเน็ตฟรี 3GB (300MB 10 เดือน)
ส่วนลูกค้ารายเดือนที่อยู่กับ AIS มาอย่างน้อย 12 เดือนสามารถรับส่วนลดเพิ่มได้มากถึง 9,700 บาท โดยต้องเซ็นต์สัญญาใช้แพ็คเกจต่อเนื่องไปอีก 12 เดือน

สำหรับลูกค้าใหม่สามารถเลือกสมัครโปร AIS Hot Deal XTRA เลือกแพ็คเกจที่โดนใจ จะได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 7,700 บาท ถ้าหากย้ายค่ายมาจะได้ลดเพิ่มอีก 2.000 บาท และยังได้รับสิทธิ์อัพเกรดเป็น Serenade ตามแพ็คเกจที่เลือกไปด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ AIS ได้ ที่นี่ 11 / 11Pro

BANANA

ทางร้านจำหน่ายเฉพาะเครื่องเปล่าไม่ติดสัญญา โดยมีทั้ง 3 รุ่น ราคาดังต่อไปนี้
  • iPhone 11 เริ่มต้น 24,900 บาท
  • iPhone 11 Pro เริ่มต้น 35,900 บาท
  • iPhone 11 Pro Max เริ่มต้น 39,900 บาท

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ BaNANA ได้ ที่นี่

STUDIO7

ส่วนใหญ่จะเน้นขายเครื่องเปล่าราคาศูนย์ปกติ แต่จะได้รับสิทธิพิเศษแลกส่วนลดซื้อของในร้านได้
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อล่วงหน้ากับ Studio 7 และรับเครื่องในวันที่ 18 ต.ค. 62
  • Studio 7 มอบสิทธิพิเศษ Lucky Bag รวมมูลค่ากว่า 1,000,000 บาท เฉพาะ 100 ท่านแรกที่จองผ่านออนไลน์เท่านั้น*
  • รับทันที คูปองส่วนลด มูลค่า 500 บาท สำหรับซื้ออุปกรณ์เสริมที่ BNN.in.th (จำนวนจำกัด)
  • Perfect Match สิทธิ์แลกซื้อสุดคุ้มกับอุปกรณ์เสริมในราคาพิเศษสำหรับผู้สั่งซื้อล่วงหน้าเท่านั้น
  • Apple Brand Accessories ลดสูงสุด 15%
  • Gadget & Accessories ลดสูงสุด 39%
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ Studio7 ได้ ที่นี่

MCARD SHOP

หลายคนอาจสงสัยกันว่าร้าน Mcard Shop คือร้านอะไร ซึ่งจริงๆ แล้วคือร้านค้าออนไลน์ของเครือ The Mall ซึ่งโปรครั้งนี้จัดเต็มมาก ซื้อครบ 30,000 ลดไปเลยจ้า 4,000 บาท เน้นๆ
**โปรนี้สำหรับ iPhone 11 จะใช้ได้เฉพาะตัวความจุ 256 GB ที่ราคา 30,900 บาท

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ Mcard Shop ได้ ที่นี่
ที่มา : droidsans
Apple ปล่อยอัพเดท iOS 13.1.2 / iPadOS 13.1.2 และ watchOS 6.0.1 แล้ว

Apple ปล่อยอัพเดท iOS 13.1.2 / iPadOS 13.1.2 และ watchOS 6.0.1 แล้ว

08:21 Add Comment
 Apple ได้ปล่อย iOS 13.1.2 พร้อมกับ iPadOS 13.1.2 และ watchOS 6.0.1 ให้ผู้ใช้ได้อัพเดตอุปกรณ์แล้วโดยจุดประสงค์ของการอัพเดตแพทช์ในชุดนี้ก็จะเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดการทำงานในบางส่วนของตัวระบบปฏิบัติการ
สำหรับ iOS 13.1.2 นั้น มีการระบุข้อมูลไว้ว่าเป็นการอัพเดตเพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับใช้งานแฟลชเป็นไฟฉาย ปัญหาเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลการคาลิเบรตหน้าจอ ปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Bluetooth และก็ปัญหาเกี่ยวกับการสำรองข้อมูลด้วย iCloud ส่วน iPadOS 13.1.2 ก็จะเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการสำรองข้อมูลด้วย iCloud เช่นกัน บวกกับปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของทางลัดสำหรับ HomePod ด้วย
ฝั่งของ watchOS 6.0.1 ก็จะเป็นการแก้ปัญหาที่ระบบไม่มีการบอกเวลาเมื่อเลือกใช้ watchface ลายมิกกี้และมินนี่เมาส์ ปัญหาเกี่ยวกับระบบปฏิทิน เป็นต้น
ผู้ใช้งานสามารถอัพเดต iOS 13.1.2 iPadOS 13.1.2 และ watchOS 6.0.1 ได้ทันทีจากเมนู Software Update ที่อยู่ในส่วนการตั้งค่าของระบบปฏิบัติการ โดยก่อนจะทำการอัพเดต แนะนำว่าควรสำรองข้อมูลในเครื่องไว้ก่อนจะดีที่สุดครับ
รุ่นที่รองรับการอัพเดต iOS 13.1.2 ก็ได้แก่
  • iPhone 11
  • iPhone 11 Pro
  • iPhone 11 Pro Max
  • iPhone XS
  • iPhone XS Max
  • iPhone XR
  • iPhone X
  • iPhone 8
  • iPhone 8 Plus
  • iPhone 7
  • iPhone 7 Plus
  • iPhone 6s
  • iPhone 6s Plus
  • iPhone SE
  • iPod Touch 7th generation
iPad ที่รองรับ iPadOS 13.1.2
  • iPad Pro 12.9″
  • iPad Pro 11″
  • iPad Pro 10.5″
  • iPad Pro 9.7″
  • iPad 7
  • iPad 6
  • iPad 5
  • iPad mini 5
  • iPad mini 4
  • iPad Air 3
  • iPad Air 2
Apple Watch ที่รองรับ watchOS 6.0.1
  • Apple Watch Series 1-5
ที่มา: Apple Insider