หากพูดถึงเรื่องของ USB แล้วหละก็ หลายคนคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
เพราะอุปกรณ์ชิ้นนี้ถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญและอยู่ใกล้ตัวมากๆ
ไม่ว่าจะใช้ในการเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ มือถือ หรืออุปกรณ์ต่างๆ
มากมายในชีวิตประจำวัน แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ถึงประวัติความเป็นมาของ USB
ว่าจริงๆ แล้วมันมีนานแค่ไหน และมีวิวัฒนาการอย่างไรบ้าง ?
วันนี้ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับ วิวัฒนาการของ USB ตั้งแต่อดีตจนมาเป็น USB Type C 3.1 ในปัจจุบัน มาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน ในรูปแบบของ Infrographic ฉบับที่ 34 นี้จ้า
วิวัฒนาการของ Port USB นั้นเริ่มต้นมายาวนานและเริ่มเด่นชัดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1998 ซึ่งในสมัยนั้น เทคโนโลยีของ USB จะอยู่ในเวอร์ชั่น 1.1 และใช้งานร่วมกับหัวพอร์ต USB ในรูปแบบ Type A และ Type B จากนั้นไม่นานก็ได้ถูกพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ จนกลายเป็น USB เวอร์ชั่น 2.0 ยอดนิยมที่หลายๆ คนรู้จักกันดี และใช้กันมายาวนานตั้งช่วงปี ค.ศ. 2000 จนถึง 2008 แต่แล้วในที่สุดเทคโนโลยี USB ก็ไม่หยุดแค่นั้น และได้ก้าวข้ามไปอีกขั้น มาอยู่ในเวอร์ชั่นของ USB 3.0 ซึ่งแน่นอนว่าในการพัฒนาแต่ละเวอร์ชั่น ก็ได้ปรับรูปแบบและประสิทธิภาพการใช้งานให้ดียิ่งขึ้นในหลายๆ ด้าน จนท้ายที่สุดก็กลายมาเป็น USB 3.1 เวอร์ชั่นล่าสุดในปัจจุบัน ที่ใช้งานร่วมกับหัวพอร์ตตัวใหม่อย่าง USB Type C นั่นเอง
รูปตัวอย่างของประเภทพอร์ต USB Type ต่างๆ ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
ข้อดีของ USB 3.1 (มาตรฐานเทคโนโลยีล่าสุดของ Port USB)
ข้อดีของ USB Type-C มีอะไรบ้าง ?
USB Type-C เป็นรูปแบบพอร์ตตัวใหม่ล่าสุด ที่อยู่บนมาตรฐานของเทคโนโลยี USB เวอร์ชั่น 3.1 ที่รวมความสามารถและรูปแบบการใช้งานของพอร์ต Type อื่นๆ เข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้งยังมีความโดดเด่นในหลายๆ ด้าน เช่น
ลองมาชมภาพในรูปแบบของ Infographic เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้นที่ด้านล่างนี้เลยจ้า
วันนี้ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับ วิวัฒนาการของ USB ตั้งแต่อดีตจนมาเป็น USB Type C 3.1 ในปัจจุบัน มาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน ในรูปแบบของ Infrographic ฉบับที่ 34 นี้จ้า
วิวัฒนาการของ Port USB นั้นเริ่มต้นมายาวนานและเริ่มเด่นชัดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1998 ซึ่งในสมัยนั้น เทคโนโลยีของ USB จะอยู่ในเวอร์ชั่น 1.1 และใช้งานร่วมกับหัวพอร์ต USB ในรูปแบบ Type A และ Type B จากนั้นไม่นานก็ได้ถูกพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ จนกลายเป็น USB เวอร์ชั่น 2.0 ยอดนิยมที่หลายๆ คนรู้จักกันดี และใช้กันมายาวนานตั้งช่วงปี ค.ศ. 2000 จนถึง 2008 แต่แล้วในที่สุดเทคโนโลยี USB ก็ไม่หยุดแค่นั้น และได้ก้าวข้ามไปอีกขั้น มาอยู่ในเวอร์ชั่นของ USB 3.0 ซึ่งแน่นอนว่าในการพัฒนาแต่ละเวอร์ชั่น ก็ได้ปรับรูปแบบและประสิทธิภาพการใช้งานให้ดียิ่งขึ้นในหลายๆ ด้าน จนท้ายที่สุดก็กลายมาเป็น USB 3.1 เวอร์ชั่นล่าสุดในปัจจุบัน ที่ใช้งานร่วมกับหัวพอร์ตตัวใหม่อย่าง USB Type C นั่นเอง
รูปตัวอย่างของประเภทพอร์ต USB Type ต่างๆ ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
ข้อดีของ USB 3.1 (มาตรฐานเทคโนโลยีล่าสุดของ Port USB)
- อัตราการถ่ายโอนข้อมูลความเร็ว สูงสุด 10 Gbps
- จ่ายกระแสไฟได้สูงสุดถึง 20V,5A
- รองรับเทคโนโลยี USB Power Delivery 2.0 รับส่งกระแสไฟฟ้าได้สูงถึง 100w
- ทำให้ใช้งานได้ทั้งกับมือถือ/แล็ปท็อป/และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ
- รองรับการใช้งานพอร์ตประเภทต่างๆ ทั้งType A/B/C
- มีการป้องกันสัญญาณรบกวน EMI และ RFI
ข้อดีของ USB Type-C มีอะไรบ้าง ?
USB Type-C เป็นรูปแบบพอร์ตตัวใหม่ล่าสุด ที่อยู่บนมาตรฐานของเทคโนโลยี USB เวอร์ชั่น 3.1 ที่รวมความสามารถและรูปแบบการใช้งานของพอร์ต Type อื่นๆ เข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้งยังมีความโดดเด่นในหลายๆ ด้าน เช่น
- ขนาดเล็กพกพาสะดวกกว่า Type อื่นๆ
- หัวพอร์ตสามารถสลับเสียบด้านใดก็ได้
- รองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ เช่น
- ใช้เสียบชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์ต่างๆ
- ใช้รับส่งข้อมูล
- ใช้เป็นสายเสียบหูฟัง
- ใช้เป็นพอร์ตส่งสัญญาณภาพและเสียง (HDMI)
- ถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลได้รวดเร็ว ในอัตราสูงสุด 10 Gbps
- ชาร์จพลังงานแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น
- ใช้งานร่วมกับพอร์ตรูปแบบเก่าอย่าง USB 2.0 ได้ (ใช้ตัวแปลง)
ลองมาชมภาพในรูปแบบของ Infographic เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้นที่ด้านล่างนี้เลยจ้า
ที่มา : Thaiware.com