วิธีโหลดวีดีโอบน Facebook มาเก็บไว้ โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม

BoOnreAm 09:32 Add Comment

วิธีโหลดวีดีโอบน Facebook มาเก็บไว้ โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม

นอกจากการดูวีดีโอบน Youtube แล้ว ในเวลานี้การรับชมวีดีโอ หรืออัพโหลดวีดีโอลงบน Facebook ก็เป็นที่นิยมเช่นกัน โดยเฉพาะใน Fanpage ต่างๆ ก็มีหลายวีดีโอที่น่าติดตาม น่าสนใจ ซึ่งถูกอัพโหลดและให้รับชมผ่านทาง Facebook  โดยผู้ดูวีดีโอก็สามารถกด like หรือกดแชร์ได้โดยง่าย ซึ่งก็มีหลายวีดีโอที่คุณอาจอยากบันทึกเก็บไว้ โดยที่ไม่ต้องมากดเปิดใน Facebook บ่อยๆ  ซึ่งวีดีโอที่อยู่บน Facebook นั้น ก็สามารถดาวน์โหลดมาบันทึกเก็บไว้ได้ สำหรับวิธีการการดาวน์โหลดก็มีทั้งแบบติดตั้งโปรแกรมส่วนเสริม แต่หากไม่ต้องการติดตั้งโปรแกรมใดๆ ต้องทำอย่างไรบ้าง?
วิธีดาวโหลดน์วีดีโอบน Facebook ผ่าน Google Chrome
1. เปิดหน้าวีดีโอ Facebook ที่ต้องการบนเบราเซอร์ของ Google Chrome โดยต้องเปิดวีดีโอแบบที่ไม่ใช่ Pop-up แต่ให้เปิดเป็นแท็บหน้าใหม่ของ Google Chrome

2. จากนั้นกดปุ่ม F12 จะมีข้อมูลด้านล่างแสดงขึ้นมา ให้คลิกเลือกที่แท็บ Network
Vdo_Facebook_2
3. กดเล่นวีดีโอ Facebook แล้วสังเกตหาไฟล์ที่เป็น “video/mp4″ ที่คอลัมน์ “Type”  เมื่อเจอแล้วให้คลิกขวา แล้วกด Open Link in New Tab
Vdo_Facebook_3
4. เมื่อเปิดมาแท็บหน้าต่างใหม่ขึ้นมาแล้วให้เราคลิกที่ “บันทึกให้เป็น” เพื่อบันทึกวีดีโอบน Facebook ที่ต้องการ โดยตั้งชื่อไฟล์พร้อมกำหนดที่เก็บบันทึกให้เรียบร้อย
Vdo_Facebook_4
Vdo_Facebook_5
ด้วยขั้นตอนเท่านี้ก็สามารถบันทึกวีดีโอที่ต้องการเก็บไว้รับชมได้แล้ว โดยที่ไม่ต้องโหลดโปรแกรมใดๆมาติดตั้งเลย หากมีวีดีโอที่คุณชอบ ก็สามารถบันทึกเก็บไว้ เพื่อมาเปิดรับชมได้บ่อยๆโดยที่ไม่ต้องเปิดดูบน Facebook ..
ที่มา : it24hrs

Forums-IT :: ฟอรั่มไอที: แหล่งความรู้ดี ๆ เพื่อคนไอที

ระวัง!! ลงแอพไฟฉายบนมือถือ ก็โดนแฮกล้วงข้อมูลมือถือคุณได้ พร้อมวิธีแก้ และวิธีป้องกัน

BoOnreAm 08:45 Add Comment

ระวัง!! ลงแอพไฟฉายบนมือถือ ก็โดนแฮกล้วงข้อมูลมือถือคุณได้  พร้อมวิธีแก้ และวิธีป้องกัน

      ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย Thaicert  สังกัด สพธอ.  ได้นำเสนอข่าวจาก บริษัทด้านความมั่นคงปลอดภัย Snoopwall  เกี่ยวกับแอพไฟฉาย ยอดฮิตบน Google Play สำหรับมือถือ Android  10 แอปพลิเคชั่น  แต่กลับเป็นว่า แอพไฟฉาย 10 แอพ กลับขอสิทธ์เกินความจำเป็นเผลอๆจะแอบล้วงข้อมูลมือถือคุณด้วย
แอพไฟฉาย
แอพไฟฉาย 10 แอพ

10 แอพไฟฉายบน Google Play ที่ขอสิทธิมากกว่าแค่เปิดไฟฉาย
โดยแอพไฟฉายยอดนิยม 10 แอพ กลับขอสิทธิเข้าถึงข้อมูลบนสมาร์ทโฟน ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัว เกินความจำเป็น เช่น ขอสิทธิอ่าน รายชื่อเบอร์โทรศัพท์ ( Contact ), พิกัด  ( GPS ) , การเข้าถึงข้อมูลไฟล์ต่างๆบนตัวมือถือ Android ซึ่งมีความเสี่ยงที่ข้อมูลมือถือ และความเป็นส่วนตัว อาจหลุด หรือถูกขโมยตกในมือของ Hacker ได้
Flashlight-app-android-hack-a
ตัวอย่างแอพไฟฉาย ที่ของสิทธิมากเกินไป
ดังนั้นตอนแตะที่ Install ต้องดูสิทธิการเข้าถึงของแอพไฟฉายแอพนั้นด้วยว่าเข้าถึงข้อมูลอะไรบ้าง ?โดยเฉพาะการเข้าถึงการโทรเข้าโทรออกส่งข้อความ อันนี้เกินสิทธิของแอพไฟฉายแล้วก็ไม่ควรติดตั้งแอพนั้น  ากเผลอติดตั้งแอพนั้นไปแล้ว ให้ ถอนการติดตั้งแอพไฟฉาย ( Uninstall )  ออกจากมือถือ Android ทันที
Flashlight-app-android-hack-bนอกจากนี้ ทาง Snoopwall ก็ได้จัดทำแอพไฟฉาย Privacy Flashlight เองด้วย  ซึ่งปลอดภัยกว่า   ใช้ได้บนมือถือ Android (โหลดทาง Play Store  )  และ Windows Phone  ( โหลดทาง Windows Phone Store )   ส่วนสำหรับ iOS อยู่ในระหว่างพัฒนา

ใช้แอนดรอยจำเป็นไหมที่ต้องลงแอนตี้ไวรัส ?

10:35 1 Comment

 ใช้แอนดรอยจำเป็นไหมที่ต้องลงแอนตี้ไวรัส ?

android antivirus
Forums-IT:android antivirus


        Admin ขอพูดแบบนี้แล้วกันนะครับ ตราบใดที่เรา ต้องสี่อสารข้อมูลบนโลก cyber เพื่อความปลอดภัย และป้องกันความเสี่ยง ผมแนะนำว่าควรจะลงไว้ครับ ถึงแม้ว่าไวรัสยังไม่ค่อยระบาดบน OS ของมือถือ
แต่ในอนาคตมีเพิ่มขึ้นแน่นอนครับ โดยเฉพาะในระบบ android ซึ่งไม่ใช้ว่าระบบจะไม่ดี แต่เพราะเป็นเป้าใหญ่ของการโจมดี เนื่องจากมีผู้ใช้จำนวนมาก ทำให้การติดไวรัสได้มากและกระจายได้รวดเร็วเป็นวงกว้างกว่าระบบอื่นๆ เหมือนกับที่ Windows OS เป็นเป้าใหญ่ มากกว่า Mac OS ,linux และอื่นๆนะครับ

         และยิ่งผู้ที่มี App ที่ต้องทำธุรกรรมทางการเงินผ่านมือถือนั้น จำเป็นต้องลงเป็นอย่างยิ่งครับ
แม้แต่ SMS ที่หลายคนอาจเข้าใจว่าไม่น่าจะมีปัญหา แต่ในความเป็นจริงก็จะคล้ายๆกับเราที่เราเปิดอ่าน email นั่นแหละครับอาจมี code อันตราย หรือ link อันตราย ฝังมาก็เป็นได้ครับ ซึ่งใน รัสเซียจะเจอปัญหา SMS นี้มาก

Anatomy of a hacked Android mobile device
https://blogs.sophos.com/2013/12/19/infographic-anatomy-of-a-hacked-mobile-device/

Sophos Mobile Security Threat Report
https://www.sophos.com/en-us/medialibrary/PDFs/other/sophos-mobile-security-threat-report.pdf?la=en

ส่วนลงตัวไหนดีนั้น ก็ลองเลือกดูเอาครับ ตาม link ด้านล่างหรือสนใจตัวอื่นก็ลองดูครับใน google play นะครับ

คำแนะนำ

1.ควรโหลด App จากผู้ผลิดที่น่าเชื่อถือ
2.ไม่ควรติดตั้ง App ที่ไม่รู้จัก และไม่ผ่าน app store หรือ google play
3.ควรติดตั้ง Antivirus ไว้ประจำเครื่องสักตัว อย่ามากกว่านี้เพราะเครื่องอาจจะมีผลกับเครื่องได้ ตัว app antivirus ก็อย่างเช่น

App Avast Mobile Security & Antivirus
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.avast.android.mobilesecurity

App AVG Mobile
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.antivirus
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.antivirus.tablet (Tablet)

App Lookout Mobile Security
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.lookout

App Anti-virus Dr.Web Light
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.drweb

App Avira Antivirus Security
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.avira.android

App Bitdefender Mobile Security & Antivirus
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.bitdefender.security

App McAfee Security & Antivirus
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.wsandroid.suite

 ทั้งนี้อาจมี App อีกหลายตัวกว่านี้นะครับ แต่เอาที่แบบรู้จักกันโดยทั่ว ๆ ไปแล้วกันนะ สำหรับใครที่มี App ดี ๆ ก็เอามาแชร์ให้เพื่อนโหลดได้นะครับ.


ด้วยความหวังดีจาก :Forums-IT :: ฟอรั่มไอที: แหล่งความรู้ดี ๆ เพื่อคนไอที
ไวรัสแอนดรอยด์พุ่ง มือถือเสี่ยงโดนเจาะ

ไวรัสแอนดรอยด์พุ่ง มือถือเสี่ยงโดนเจาะ

10:05 Add Comment

ไวรัสแอนดรอยด์พุ่ง มือถือเสี่ยงโดนเจาะ 


Andriod420X300
 ไวรัส...ที่่ จ้องเล่นงานโมบายโอเอสตัวนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่าในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งความเลวร้ายของพวกมันก็จะมีตั้งแต่ทำลายข้อมูลไปจนถึงขโมยข้อมูลส่วนตัว จากสมาร์ทโฟน Android ของคุณ ประเด็นคือ นับวันพวกมันเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นหมายถึงความเสี่ยงที่สมาร์ทโฟนของคุณจะถูกโจมตีเพิ่มขึ้นไปด้วยนั่นเอง Juniper Networks รายงานว่า ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา การเติบโตของมัลแวร์ (malicious software) พุ่งขึ้นไปสูงถึง 472% หรือมีการตรวจพบโปรแกรมมัลแวร์ที่แพร่กระจายให้ดาวน์โหลดมากถึง 10,000 ตัวเลยทีเดียว ในขณะเดียวกัน McAfee หนึ่งในบริษัทผู้เชี่ยวชาญระบบรักษาความปลอดภัยยังได้จัดทำรายงานล่าสุดที่ ระบุว่า ช่วงไตรมาสที่ผ่านมาระบบปฏิบัติการโมบาย Android กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากทีสุดสำหรับ"มัลแวร์"ใหม่ๆ กล่าวโดยสรุปก็คือ Android กลายเป็นเป้าหมายหลักของ"มัลแวร์"ใหม่ๆ ที่ต้องการโจมตีอุปกรณ์โมบายนั่นเอง ตัวอย่างล่าสุด เมื่อช่วงเดือนมีนาคม มัลแวร์ที่ชื่อว่า DroidDream (หรือ Myournet) ได้แพร่กระจายไปติดยังสมาร์ทโฟน Android ของผู้ใช้มากกว่า 50,000 ราย
อย่าง ไรก็ดี รายงานข่าวนี้ไม่ได้ต้องการขู่ใหัคุณผู้อ่านรู้สึกหวาดกลัว แต่ต้องการให้ข้อมูลว่า การแพร่กระจายมัลแวร์บนแพลตฟอร์ม Android เป็นเรื่องจริง และปัญหานี้กำลังเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ที่เป็นผู้ใช้สมาร์ทโฟนไม่ควรประมาท เพราะคุณก็อาจจะโดนมันเล่นงานโดยไม่รู้ตัวได้เช่นเดียวกัน ส่วนมัลแวร์ และไวรัสสามารถสร้างความเสียหายอะไรได้บ้างนั้น โดยทั่วไปจะมีรายละเอียดดังนี

  • ขโมยข้อมูลส่วนตัวอย่างเช่น รหัสบัญชีธนาคาร, อีเมล์แอดเดรส ฯลฯ จากสมาร์ทโฟน
  • ลบข้อมูลในสมาร์ทโฟนของคุณ อย่างเช่น อีเมล์ทุกฉบับใน Gmail เป็นต้น
  • ลักลอบ หรือดักฟังข้อมูลการสื่อสารของคุณ (บันทึก และส่งเป็นไฟล์ออดิโอให้แฮคเกอร์)
  • ส่งสแปม หรือข้อความด้วยชื่อของคุณทำให้สมาร์ทโฟนของคุณหยุดทำงาน หรือใช้การไม่ได้ที่เรียกว่า Brickingประเด็นคือ มัลแวร์ และไวรัสสามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟนของคุณได้หลากหลายวิธี แต่ส่วนใหญ่มักจะมาในรูปของแอพฯที่คุณดาวน์โหลด โดยแฮคเกอร์จะใช้กลลวงด้วยการสร้างแอพฯ Android ที่ดูเหมือนของจริง (cloning app) หรือมีความน่าเชื่อถือ แต่ความจริงแล้วมันมีการทำงานที่น่ากลัวซุกซ่อนอยู่ภายใน เมื่อคุณติดตั้ง และสั่งรันแอพฯ (มัลแวร์ หรือไวรัส) พวกนี้บนสมาร์ทโฟน มันก็จะเล่นงานคุณด้วยวัตถุประสงค์ต่างๆ ดังที่กล่าวไปแล้วนั่นเอง
     สำหรับการป้องกันตนเอง ประการแรก และง่ายสุดเลย ที่ใช้สมาร์ทโฟน Android ควรหลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดแอพฯทีมีความเสี่ยง เช่น แอพฯ จากเว็บไซต์ของบริษัทที่ไม่รู้จัก หรือไม่มีชื่อเสียง นอกจากนี้แอพฯ ที่ได้รับการจัดอันดับต่ำๆ รวมถึงมีจำนวนการดาวน์โหลดน้อยมากๆ พึงระวังเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม นอกจากการติดไวรัส หรือโดนมัลแวร์เล่นงานด้วยวิธีนี้แล้ว มันยังมีวิธีอื่นด้วยเช่น การท่องเว็บบนสมาร์ทโฟนแล้วเผลอ หรือโดนหลอกให้คลิกลิงค์ที่ดาวน์โหลดแอพฯมัลแวร์ ซึ่งรวมถึงลิงค์ที่มากับอีเมล์ของแฮคเกอร์ด้วย ซึ่งเป็นวิธีเดียวกันกับที่ใช้โจมตีผู้ใช้พีซี ในกรณีที่พบเห็นไอคอนของแอพฯที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ให้คุณรีบถอดโปรแกรมออกไป โดยคุณสามารถถอดถอดแอพฯ บน Android ได้โดยสมบูรณ์ผ่านทาง Manage Application Settings ใน Applications Option อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันด้วยวิธีหลีกเลี่ยง หรือระวังในแง่ของการใช้งานก็คือ การติดตั้งซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัส และมัลแวร์อย่างเช่น MyLookout เข้าไปในสมาร์ทโฟน


ที่มาของข่าว : http://www.android.com/


5 อันดับไวรัสคอมพิวเตอร์ที่สร้างความเสียหายร้ายแรงที่สุดในโลก

5 อันดับไวรัสคอมพิวเตอร์ที่สร้างความเสียหายร้ายแรงที่สุดในโลก

09:48 Add Comment

5 อันดับไวรัสคอมพิวเตอร์ที่สร้างความเสียหายร้ายแรงที่สุดในโลก

ซึ่งจัดทำขึ้น โดยทีมงานบริษัท Norton ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ไวรัสชื่อดังครับ
1. Mydoom (2004) มูลค่าความเสียหาย $38,000,000,000 คอมพิวเตอร์ที่โดนไวรัส 2,000,000 เครื่อง - หนอนคอมพิวเตอร์ที่แพร่ไปทั่วอีเมล์โดยทำทีว่าเป็นข้อความส่งกลับ พอมีคนเผลอไปเปิดเท่านั้นแหละก็จะถูกไวรัสตัวนี้ดูดข้อมูลผู้ใช้งานจาก Outlook ออกไปจนหมดเพื่อกระจายตัวต่อไป
2. Sobig.F (2003) มูลค่าความเสียหาย $37,100,000,000 คอมพิวเตอร์ที่โดนไวรัส 2,000,000 เครื่อง - หนอนคอมพิวเตอร์ที่เป็นโทรจันด้วยในตัวแต่มันจะแสร้งแปลงกายเป็นไฟล์หน้าตา ปกติธรรมดา ถ้ามีคนเผลอเปิดอีเมล์เหล่านี้ก็จะถูกดูดข้อมูลในสมุด Address ออกไปจนหมด
3. ILOVEYOU (2000) มูลค่าความเสียหาย $15,000,000,000 คอมพิวเตอร์ที่โดนไวรัส 500,000 เครื่อง - อีเมล์หน้าตาธรรมดาที่จั่วหัวข้อความว่า "I Love You" สมชื่อ ถ้ามีคนเผลอไปเปิดอีเมล์เหล่านี้ก็จะถูกขโมยพาสเวิร์ดออนไลน์สำคัญๆที่ บันทึกไว้ในเครื่องจนหมด
4. Code Red (2001) มูลค่าความเสียหาย $2,600,000,000 คอมพิวเตอร์ที่โดนไวรัส 1,000,000 เครื่อง - หนอนคอมพิวเตอร์ที่โจมตีจุดอ่อนด้านความปลอดภัยในระบบปฏิบัติการ Windows 2000 และ Windows NT โดยเฉพาะ ที่สำคัญเคยทำให้เว็บไซต์ใหญ่ๆอย่างเช่นทำเนียบขาวสหรัฐฯล่มมาแล้ว
5. Slammer (2003) มูลค่าความเสียหาย $1,200,000,000 คอมพิวเตอร์ที่โดนไวรัส 200,000 เครื่อง - หนอนอินเทอร์เน็ตที่ทำให้โฮสต์ทำงานช้าลงและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเป็นไป ได้อย่างล่าช้า เว็บไซต์ไหนโดนไวรัสนี้เข้าไปก็อาจถึงขนาดทำให้เซอร์เวอร์ล่มมาแล้วนะเออ
 
ที่มา:TechXcite