dark mode
นอกจากนั้นยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ดังนี้
Notification Center
- เพิ่มหน้า Today สำหรับปฏิทิน, reminder, สภาพอากาศ ฯลฯ แบบเดียวกับ iOS 7 ซึ่งแยกส่วนกับ notification รวมไปถึงเพิ่ม widget สำหรับแอพภายนอกอีกด้วย
Spotlight
- เดิมแถม Spotlight จะเป็นช่องเล็กๆ ด้านขวาบน แต่คราวนี้ถูกปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้นและย้ายมาอยู่กลางหน้าจอ
iCloud Drive
- คู่แข่ง Dropbox และ Google Drive สำหรับสร้างไฟล์และแชร์ไฟล์ร่วมกันบน Mac, Windows, และอุปกรณ์ iOS
- เพิ่มฟีเจอร์ MailDrop เป็นการอำนวยความสะดวกเวลาส่งไฟล์รูปภาพหรือวิดีโอใหญ่ๆ ที่ปกติหากขนาดของรูปภาพหรือวิดีโอเกินขนาดที่กำหนด ผู้ใช้จะต้องทำการอัพโหลดจากที่อื่น แล้วส่งลิงก์กลับมายังอีเมล โดยทาง MailDrop จะตัดขั้นตอนเหล่านี้ออกไปด้วยการทำการอัพโหลดไฟล์ให้อัตโนมัติหากไฟล์ใหญ่ เกินขนาด
Safari
- เปลี่ยนการแสดง Bookmark Bar
- เปลี่ยน Tab view เป็นตาราง ดูง่ายและสามารถจัดกลุ่มเว็บไซต์ได้
- Search bar เพิ่มแถบ Spotlight แนะนำสิ่งที่ค้นหา
โทรศัพท์และข้อความ
รองรับการโทรเข้าโทรออก รวมไปถึง SMS และ MMS จาก iPhone ที่รัน iOS 8- เมื่อมีการโทรเข้า จะมี notification แจ้งเตือนบน Mac และสามารถกดรับและพูดคุยได้ทันที ขณะเดียวกันการโทรออกก็สามารถกดโทรได้จากคอนแทค ปฏิทิน อีเมล หรือแม้แต่เบอร์โทรที่แสดงบน Safari ก็ได้เช่นกัน
- รองรับการส่งเมสเสจ ไม่ใช่เฉพาะ iMessage แต่รวมไปถึง SMS และ MMS ด้วย โดยซิงก์ผ่าน iPhone
- เพิ่มฟีเจอร์ให้ iMessage เล็กน้อย ด้วยความสามารถในการส่งคลิปเสียงสั้นๆ
Handoff
- เป็นระบบที่ทำงานร่วมกันระหว่าง Yosemite และ iOS 8 เมื่อคุณทำงานค้างอยู่บน Mac แต่ต้องออกจากบ้าน ก็สามารถทำงานต่อบน iPad หรือ iPhone ได้เลยทันที ขณะเดียวกันหากทำงานค้างอยู่บน iPad/iPhone ก็สามารถทำงานต่อบน Mac ได้เลยเช่นกัน
Instant Hotspot
- ต่อไปนี้ไม่ต้องกดเข้า setting บน iPhone เพื่อเปิด hotspot ให้เมื่อย หากคุณวาง iPhone ไว้ใกล้ๆ Mac ตัวเครื่องจะสามารถต่อ hotspot ได้เลยทันที แค่กดที่เครื่อง iPhone ของคุณที่แสดงอยู่บน Mac และเมื่อปิดการเชื่อมต่อ iPhone ก็จะปิด hotspot ลงไปโดยอัตโนมัติ
Yosemite จะปล่อยให้ดาวน์โหลดฟรีภายในช่วงสิ้นปีนี้เช่นเคยครับ